kitchen, open, home-948363.jpg

5 ทริคเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้ม

1. ราคาของเครื่องใช้ไฟฟ้า
นอกจากจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจแล้ว ผู้ผลิตหรือผู้ขายก็มักจะชูจุดเด่นในเรื่องของราคา เช่น ราคาถูกกว่า การลดแลกแจกแถม เป็นจุดสำคัญ เนื่องจากราคามักเป็นสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดที่สุด แต่จะบอกว่าราคาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าต้องเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ราคาถูกอย่างเดียวถึงจะคุ้มหรือยิ่งแพงยิ่งดี เพราะราคาไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะประหยัดไฟได้มากกว่า ดีกว่า สิ่งที่ควรทำ คือ การพิจารณาราคาควบคู่ไปกับคุณภาพ เปรียบเทียบหลากหลายเจ้าและเลือกเจ้าที่ราคาถูกกว่าแต่คุณภาพพอๆ กัน

2. คุณภาพ ความปลอดภัยและความน่าไว้วางใจของแบรนด์
แบรนด์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค การเลือกแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงและคนรู้จักแพร่หลายจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึง นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบคุณภาพของสินค้าว่า มีตำหนิตรงไหน มีการออกแบบที่ดีหรือไม่ ได้มาตรฐานที่ดีไหมและมีการรับรองคุณภาพจากสถาบันอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีที่สุดและมีความปลอดภัย

3. จำนวนวัตต์
ปกติจำนวนวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดจะมีบอกไว้บนตัวสินค้าอยู่แล้วซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถคำนวณค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นภายหลังจากการใช้งานได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเรามีจำนวนวัตต์ของแต่ละประเภทมาฝาก

พัดลมตั้งพื้น : 45-75 วัตต์ , ตู้เย็น 2-12 คิว (ลบ.ฟุต) : 53-194 วัตต์ , เครื่องปรับอากาศ : 680-3,300 วัตต์ , หม้อหุงข้าวไฟฟ้า : 500-1,000 วัตต์, เครื่องดูดฝุ่น : 625-1,000 วัตต์, เครื่องทำน้ำร้อนในห้องน้ำ : 900-4,800 วัตต์, โทรทัศน์สี : 43-95 วัตต์, เครื่องซักผ้า : 250-2,000 วัตต์, เครื่องอบผ้าแห้ง : 650-2,500 วัตต์ และ เครื่องซักผ้าแบบมีเครื่องอบผ้า หรือ เครื่องตั้งอุณหภูมิของน้ำ : 250-2,000 วัตต์

ขอบคุณข้อมูลจาก : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

 

4. ชนิดและขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้า
เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ของบ้านหรือห้องของคุณ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออย่าลืมวัดโต๊ะ ชั้นวางของ ที่จะใช้ตั้งอุปกรณ์ หรือวัดขนาดพื้นที่ที่ต้องการวาง เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากต้องซื้ออย่างอื่นเพิ่มในภายหลัง

5. การติดตั้งและการบำรุงรักษาหลังการซื้อ
หลังจากที่คำนวณทั้งราคา คุณภาพ จำนวนวัตต์และความเหมาะสมระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะซื้อกับบ้านหรือคอนโดฯ ของคุณแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย คือ ค่าติดตั้งและค่าบำรุงรักษาที่จะต้องจ่ายในภายหลัง ในกรณีที่เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีขั้นตอนในการติดตั้งที่ยุ่งยาก พยายามเลือกซื้อจากที่ที่รับประกันว่าจะติดตั้งและขนส่งให้ถึงบ้าน ส่วนในเรื่องการบำรุงรักษา ลองสอบถามผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เคยใช้และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าวัสดุของอุปกรณ์นั้นรักษายากไหม ชำรุดง่ายหรือไม่ และหากซ่อมแซมจะต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *